สมดุลของตาชั่ง Warrior 3

สมดุลของตาชั่ง Warrior 3ส่วนใหญ่เรามักคิดแค่ว่าพวกท่ายืนขาเดียวต่าง ๆ มีประโยชน์ในเรื่องของการช่วยฝึกการทรงตัวเป็นหลัก ซึ่งก็ไม่ผิดแต่อย่างใด อาสนะทรงตัวบนขาข้างเดียวทำให้เรามีการทรงตัวที่ดีขึ้นได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่หากเราก้าวข้ามเรื่องการล้มหรือไม่ล้มไปได้และมองให้รอบด้านกว่าเดิมเราจะพบว่า ท่ายืนขาเดียวนั้นให้ประโยชน์อื่น ๆ ได้อีกมากมายนัก

การยืนขาเดียวเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความแข็งแรงให้กับข้อต่อต่าง ๆ ของระยางค์ล่างและกล้ามเนื้อขาทุกมัด ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์ที่สำคัญมาก เพราะขาเป็นหนึ่งในอวัยวะที่เราใช้งานหนักมากที่สุดในชีวิตประจำวัน และเราย่อมต้องการให้ขาของเราทำงานหนักเหล่านั้นได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

Warrior 3 หรือ Virabhadrasana 3 เป็นหนึ่งในอาสนะยืนขาเดียวที่มีคุณสมบัติในข้อนี้อย่างชัดเจน การทรงตัวอยู่ได้ในท่านี้เกิดจากการทำงานที่สอดคล้องสัมพันธ์กันของแกนกลางลำตัว หลัง ขา และสะโพก เป็นสมดุลที่เกิดขึ้นได้จริงจากการสร้างความมั่นคงแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและข้อต่อต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ความผิดพลาดเล็ก ๆ

คนส่วนใหญ่โดยเฉลี่ยแล้วสามารถยืนแล้วเตะขาข้างหนึ่งไปทางด้านหลังได้ไม่เกิน 30 องศา ดังนั้นหากต้องการยกขาขึ้นมาให้ได้จนขนานพื้น เราจะต้องพับตัวลงมาให้มากพอ เพื่อให้การยกขาทำได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตาม การพับตัวลงมานั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายกว่าการยกขาขึ้นด้านหลัง หลายคนจึงมีแนวโน้มที่จะก้มลงมามากเกินไป ซึ่งนั่นทำให้เกิดผลลัพธ์อย่างหนึ่งที่เราไม่อยากให้มีก็คือ มันทำให้กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังหรือ Hamstring ต้องทำงานหนักกว่าเดิมเพื่อที่จะยกขาหลังขึ้นมา

แต่ในความเป็นจริงแล้วเรามักจะถนัดใช้กล้ามเนื้อสะโพกหรือกล้ามเนื้อก้นในการเตะขาขึ้นมาด้านหลังมากกว่าที่จะใช้ Hamstring ปัญหาที่ตามมาก็คือเมื่อเราต้องใช้กล้ามเนื้อสะโพกอย่างมากในการยกขาขึ้นมาด้านหลัง ทำให้เรามีแนวโน้มที่จะออกแรงเกร็งก้นจนสะโพกเบี้ยวหรือแบะออกด้านข้าง หรือที่มักจะพูดกันว่าสะโพกสองข้างไม่เสมอกันเวลาที่เราอยู่ในท่า Warrior 3

จะเห็นได้ว่าความผิดพลาดเล็ก ๆ จุดหนึ่งนั้นนำไปสู่ความผิดพลาดเล็ก ๆ อีกจุดหนึ่ง และก็ตามมาด้วยจุดอื่น ๆ ต่อ ๆ กันไป หลายคนจึงลงเอยกับท่านี้ในสภาพที่ตัวก้มลงมาต่ำเกินไป ขาก็ยกไม่ขึ้น ทรงตัวก็ไม่ค่อยจะได้

Warrior 3ตาชั่ง

เพื่อไม่ให้ Warrior 3 ของเรามีสภาพเหมือนตาชั่งที่หักงอแบบที่ว่ามา ทางรอดของเราจึงต้องอาศัยการฝึกฝนการเคลื่อนไหวลำตัวและขาให้สัมพันธ์กัน เมื่อตัวเคลื่อนลงมา ขาก็ต้องยกขึ้นไปในระดับที่สอดคล้องกัน ซึ่งที่ว่ามานี้ต้องอาศัยความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อสะโพก และต้นขาด้านหน้าและด้านหลัง

ให้สังเกตว่าเมื่อเริ่มรู้สึกว่ากล้ามเนื้อมัดใดมัดหนึ่งในบรรดากล้ามเนื้อทั้งหมดที่ว่ามานี้เริ่มทำงานหนักกว่ากล้ามเนื้อมัดอื่น นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าการเคลื่อนเข้าสู่ท่าของเรากำลังขาดความสมดุล หากการเหยียดแขนไปด้านหน้าทำให้ยากแก่การควบคุม ให้เก็บแขนกลับมาพนมมือไว้กลางอกหรือเอามือเท้าเอว หากแรงในการยกขาขึ้นมีไม่พอ ให้ลดลำตัวลงมาเพียงครึ่งทาง จนกระทั่งเรารู้สึกได้ถึงการทำงานของกล้ามเนื้อต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องนั้นเป็นไปอย่างสอดคล้องและสมดุลกัน จึงค่อยเพิ่มความลึกหรือรายละเอียดปลีกย่อยของท่าให้ครบถ้วน จนในที่สุดเราได้ Warrior 3 ที่มีแขนเหยียดตรงไปด้านหน้า และลำตัว แขน ขาบน เป็นแนวเส้นตรงเดียวกันและขนานกับพื้น

Warrior 3 เป็นอาสนะที่การจะทำให้ได้อย่างงดงามนั้นต้องอาศัยความมีสติตระหนักรู้ในการเข้าสู่ท่าอย่างมาก เป็นอาสนะที่ชัดเจนในการนำพาเราเข้าสู่สมดุล ชื่อดั้งเดิมของ Warrior 3 คือ Tuladandasana แปลตรงตัวว่าอาสนะตาชั่ง Warrior 3 จึงเป็นเหมือนดั่งตาชั่งที่จะเข้าสู่สมดุลได้ก็ต่อเมื่อเราได้จัดวางฝั่งขวาและซ้ายจนพอเหมาะพอดีกัน

Facebook Comments

Related posts